ลำไยสดของไทยมีสารตกค้าง อาจโดนแบน งดส่งออก
ปัญหาการส่งออกลำไยสด
“จีนตรวจพบสารปนเปื้อนในลำไยสดของไทยเกินมาตรฐาน
ไม่แน่อาจสั่งแบน งดนำเข้าลำไยสดจากไทย” สำหรับชาวสวนลำไยหรือผู้ประกอบการหลายๆราย
หากได้ยินข่าวนี้แล้วคงไม่สบายใจกันเท่าไรนัก
เพราะหากพูดถึงผลผลิตลำไยในบ้านเราแล้ว ถือว่าเป็นผลไม้ส่งออกที่สร้างมูลค่าอย่างมหาศาลในแต่ละปี
โดยเฉพาะในปี 2556 ที่ผ่านมามีการส่งออกผลผลิตลำไยทั้งสิ้น 413,339.58 ตัน
สร้างรายได้เข้าประเทศมากถึง 8,503.25 ล้านบาท
และล่าสุดตั้งแต่เดือนมกราคม -
เดือนมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา ประเทศไทยเรามีการส่งออกลำไยสดไปแล้วกว่า 121,711.83 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,903.51 ล้านบาท
และตลาดรับซื้อที่สำคัญหลักๆของเราก็คือ จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย
และสิงคโปร์
แต่ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับแจ้งเตือนจากสำนักงานควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันโรคของจีนหรือ
AQSIQ ว่า ได้มีการตรวจพบ “สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์” ในลำไยสดที่นำเข้าจากประเทศไทยเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้คือ
50 ppm อยู่บ่อยครั้ง
และได้สั่งห้ามน้ำเข้าลำไยจากผู้ประกอบการบางรายไปแล้ว พร้อมแจ้งให้ประเทศไทยแก้ไขโดยด่วน
ก่อนที่ไทยเราจะถูกระงับการนำเข้าเสียทั้งหมด
ส่วนสาเหตุที่ตรวจพบสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างในลำไยเกินมาตรฐานนั้น
เกิดจากโรงบ่มลำไยบางแห่งใช้สารรมลำไยเกินมาตรฐานที่กำหนดเอาไว้
เหตุผลก็เพราะว่าต้องการยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์บางชนิดและยับยั้งการเกิดสีน้ำตาลในผลลำไยนั่นเอง
เพราะความมักง่ายอยากจะได้ลำไยผิวสวยมีอายุการเก็บรักษาที่นานเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1
สัปดาห์ สามารถวางจำหน่ายในตลาดได้นานขึ้น
โดยไม่คำนึงถึงการตกค้างของสารพิษดังกล่าว และที่สำคัญผลกระทบที่ว่านี้ นอกจากจะมีผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดต่างประเทศแล้ว
ยังส่งผลโดยตรงกับเกษตรกรผู้ที่ก้มหน้าก้มตาดูแลรักษาผลผลิต
และเม็ดเงินลงทุนที่รอมาเป็นฤดูกาล เพราะฉะนั้นแล้วขอความเห็นใจท่านผู้ประกอบการรายใหญ่รายย่อยทั้งหลาย
ก่อนคิดทำอะไรที่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตัวเองที่มันเกินมาตรฐาน
ให้คิดเห็นอกเห็นใจชาวสวนลำไยบ้าง ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีสวนลำไยเป็นร้อยเป็นพันไร่
แต่ผมก็เน้นการทำเกษตรแบชีวภาพ
คือลงทุนลงแรงไปแล้วก็อยากได้คืนมากันทั้งนั้นแหละครับ
อ้างอิงจาก: นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน